นักเล่นหมากรุก
ในหมู่บ้านเล็ก ๆ
แห่งหนึ่งอยู่ทางภาคใต้ของประเทศจีนใกล้บริเวณภูเขาทางใต้มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งอาศัยอยู่ชื่อเจ้าเหย็น
เจ้าเหย็นเป็นเด็กหนุ่มที่มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม
ร่างกายแข็งแรงและ
สติปัญญาเฉียบแหลม
บิดามารดาของเขามีความภาคภูมิใจในบุตรชายคนนั้นมาก
วันหนึ่งเมื่อเจ้าเหย็นอายุได้ 18
ปี
บิดาของเขาได้พาเขาไปที่วัดในหมู่บ้าน
เพื่อให้ท่านสมภารที่วัดทำนายชาตาชีวิตของเขา
ท่านสมภารที่วัดท่านหนังสือเล่มใหญ่และพจารณาดูดวงดาวและสั่นคิ้วซึ่งพวกชาวจีนใช้เสี่ยงทายเที่ยวกับโชคชาตา
แล้วท่านสมภารก็จะทำนายว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในชีวิตของเจ้าเหย็น
ท่านสาภารจะบอกเจ้าเหย็นว่าเขาจะมีอายุอยู่กี่ปี
เขาจะทำงานอะไร
เขาจะมีบุตรกี่คน และอะไร ๆ
อื่นอีกหลายอย่าง
แต่คราวนี้ภายหลังที่ท่านสมภารได้ตรวจดูในหนังสือคำพยากรณ์แล้วท่านก็ส่งเสียงร้อยด้วยความประหลาดใจ
และท่านนิ่งอยู่นานไม่พูดอะไร
"มีเรื่องอะไรรึครับ
ท่านสมภาร?"
บิดาเขาเจ้าเหย็นถาม
ท่านสมภารมีท่าทางว่าเป็นทุกข์
แล้วท่านก็พูดว่า "อาตมาเสียใจ
แต่อาตมาได้แต่กล่าวคำทำนายตามที่มีปรากกฏในหนังสือนี้เจ้าเหย็นลูกชายของท่านจะตายเมื่อเขาอายุได้
19 ปี"
ที่แรกทั้งเจ้าเหย็นและบิดาของเขาไม่เชื่อเรื่องนี้
แต่ทานสมภาร
กล่าวย้ำว่าท่านไม่ได้ทำนายผิด
เพราะมีเขียนไว้ในหนังสือที่เกี่ยวกับดวงชะตาว่าเจ้าเหย็นจะตามมื่อมีอายุได้สิบเก้าปี
และท่านสมภารไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้
วันหนึ่งต่อมาอีกสองสามสัปดาหืก่อนที่เจ้าเหย็นจะมีอายุครบสิบเก้าปีเขาได้ออกไปเที่ยวล่าสัตว์ในป่าทางทิศใต้
เขาพยายามลืมเรืองร้ายที่จะเกิดขึ้นเสียและเดินไปเรื่อย
ๆ
เขาเดินลัดเข้าไปในบริเวณภูเขามากกว่าครั้งอื่น
ๆ ที่เคยไป
มีกวางมากมายในบริเวณนั้น
และเจ้าเหย็นมีฝีมือยิงธนูได้อย่างแม่นยำ
ก่อนเที่ยงเขาก็ยิงกวางได้สองตัว
เขารู้สึกเหน็ดเหนื่อยและร้อนจึงนอนพักใต้ต้นไม้สูงต้นหนึ่งแล้วก็เลยหลับไป
เมื่อเจ้าเหย็นตื่นขึ้นเขาคิดว่าเขานอนหลับไปเพียงครู่เดียว
แต่เขาประหลาดใจเพราะเวลานั้นบ่ายโขแล้ว
พระอาทิตย์ขึ้นอยู่สูงเกือบถึงยอดเขาที่อยู่ไกลที่สุด
และเงายอดไม้ทอดยาวไปบนพื้นดิน
เจ้าเหย็นยิ่งรู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้น
เมื่อสังเกตเห็นว่าห่างจากที่ ๆ
เขานอนประมาณสองสามฟุตมีชายสองคนที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนทั้งสองคนกำลังเล่นหมากรุก
และไม่ได้สังเกตเจ้าเหย็น
เด็กหนุ่มรู้สึกตกใจจึงนอกเงียบ
ๆ และเฝ้าดูชายสองคนนั้น
น่าประหลาดที่ชายทั้งสองคนนั่งเล่นหมากรุกกันในบริเวณภูเขา
และเมื่อเจ้าเหย็นมองดูหน้าและเสื้อผ้าที่ชายทั้งสองก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจมากขึ้น
ชายคนหนึ่งเป็นคนสูงอายุมีผมหงอกขาวและหน้าผากสูงจนเกือบจะมองไม่เห็นส่วนอื่น
ๆ ของใบหน้า
ชายผู้นี้สวมเสื้อผ้าชุดสีเขียว
เสื้อยาวสีเขียวของเขาเหน็บที่เอวและคาดเข็มขัดเขียว
สวมกางเกงเขียวและรองเท้าเขียวเข้าชุดกัน
อีกคนหนึ่งหนุ่มกว่าชายคนแรก
เขาสวมเสื้อสีน้ำเงินเข้มมีดาวติดเต็มตัวเสื้อ
และเวลามองดูในยามตะวันชิงพลบดาวนั้นก็ส่องแสงราวกับดาวจริง
ๆ
นักเล่นหมากรุกทั้งสองอยู่ใกล้เจ้าเหย็น
จนเขาสามารถจะได้ยินทุก ๆ
คำที่คนทั้งสองพูดกัน
แต่เจ้าเหย็นไม่เข้าใจว่าชายสองคนนั้นพูดว่าอะไร
ทุก ๆ
สองสามนาทีเขาจะออกชื่อเลขจำนวนหนึ่ง
"สี่สิบสอง" "ยี่สิบห้า"
"หกสิบเจ็ด" และต่อไปเรื่อย ๆ
ยิ่งออกชื่อเลขที่มีจำนวนมากทั้งสองก็แสดงท่าทางมากขึ้น
ในที่สุดภายหลังที่เงียบกันไปนานชายชราที่มีผมหงอกขาวก็ร้องขึ้นว่า
"แปดสิบสอง
เลขจำนวนนี้ดีที่สุด
ชายคนนี้เคราะห์ดีเหลือเกินที่มีอายุยืนถึงแปดสิบสองปี"
แล้วเจ้าเหย็นก็ทราบว่าชายสองคนนั้นต้องเป็นปีศาจและทั้งสองคนกำลังพนันกันเพื่อเอาชีวิตมนุษย์เป็นเดิมพัน
เลขที่เขาออกชื่อต้องเป็นจำนวนปีในอายุของชายคนหนึ่ง
ๆ เจ้า
เหย็นตกใจแต่ก็วิ่งไปหาชายทั้งสอง
"ท่านเป็นใคร?" เขาร้อง
"และเล่นเกมอะไร ?"
ชายทั้งสองเงยหน้าขึ้นมอง
"ท่านมาจากไหน?"
ชายคนที่มีอายุน้อยถาม
"ฉันไม่คิดว่ามีใครคอยเฝ้าดูเรา"
"ฉันนอนหลับ"
เจ้าเหย็นตอบตามจริง
"แต่นอนหลับนานเกินไป
ฉันควรจะกลับบ้านนานแล้ว
แต่ขอได้โปรดบอกฉันว่าท่านเล่มเกมอะไร
?"
"ดีล่ะ จะบอกให้ก็ได้"
ชายนั้นตอบพลางยิ้ม
"แต่เจ้าต้องไม่บอกให้ใครทราบ
เราเป็นวิญญาณของหมีใหญ่
ดาวงดาวเจ็ดดวงที่เจ้าเห็นเป็นรูปกระบวยที่เจ้าเห็นทุกคืนบนท้องฟ้าทางทิศเหนือ
และเพื่อนของฉันเป็นเทพเจ้าแห่งความมีอายุยื่น
เขากำหนดเวลาที่มนุษย์ทุก ๆ
คนต้องเกิด
และฉันเป็นคนกำหนดเวลาที่คนทุก
ๆ
คนต้องตายแม้ว่าฉันจะไม่เต็มใจทำสิ่งนี้นัก
ดังนั้นเราจึงเล่นหมากรุกเล่นเพื่อตัดสินว่าเด็กทุกคนที่เกิดในวันนี้จะมีอายุยื่นเพียงไร
"ฉันก็คิดเช่นนั้น"
เจ้าเหย็นพูดอย่างตื่นเต้น
"และฉันแน่ใจว่าท่านสามารถจะช่วยฉันได้
ตามเกณฑ์ชะตาของชีวิตฉันต้องตายเมื่ออายุครบสิบเก้าปี
ท่านจะเล่นหมากรุกเพื่อกำหนดชีวิตของฉันใหม่ได้ไหม
ขอให้ต่ออายุฉันอีกสักเล็กน้อย
นักเล่นหมากรุกทั้งสองสั่นศรีษะ
"น่าเสียดายที่เมื่อเรากำหนดอายุของคน
ๆ
หนึ่งแล้วก็เขียนไว้ในกำหนดเกณฑ์ชะตา
และไม่มีใครสามารถจะเปลี่ยนแปลงได้"
"แต่คงมีอะไรบางอย่างที่ท่านสามารถจะทำได้"
เจ้าเหย็นขอร้อง
"ต่ออายุฉันอีกสักสองสามปี
แม้แต่ปีเดียวก็ยังดี"
แล้วเขาก็ชี้ไปที่กวางสองตัวที่เขายิงเมื่อตอนเช้า
"ทุกปีและทุก ๆ
เดือนที่ฉันมีชีวิตอยู่ฉันจะนำเสื้อสัตว์มาเซ่นท่าน
และจะเผาเครื่องหอมและจุดเทียนไขในวัดของท่าน"
เทพเจ้าแห่งความมีอายุยืนทำท่าทางลังเลใจ
"ฉันอยากให้
"
ท่านเริ่มพูดแล้วก็หัวเราะทันที่
"เออจริงสิ เราทำได้
จริงอยู่ไม่มีใครสามารถลบจำนวนเลขที่เขียนลงไปในสมุดกำหนดเกณฑ์ชาตา
แต่เราจะกลับเลขนั้นเสียแทนที่จะอ่านว่า
19 เราจะอ่านกลับตัวเลขเสียเป็น 91
อายุเท่านั้นนานพอไม่ใช่รึ?"
เจ้าเหย็นคุกเข่าลงและก้มศรีษะจดพื้นดินเก้าครั้ง
ตามที่บิดาเคยสอนให้ทำที่วัด
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นเขาอยู่คนเดียว
นักเล่นหมากรุกทั้งสองได้หมายไปและชั่วครู่หนึ่งเจ้าเหย็นคิดว่าเขาฝันไป
แต่เมื่อเขาเห็นกวางสองตัวหายไปเขาก็ยิ้มกับตัวเอง
เขาไม่ได้ฝัน
เจ้าเหย็นมีอายุยืนถึง 91 ปี
ทุก ๆ
สัปดาห์ตลอดระยะเวลา 91 ปี
เขาเผาเครื่องหอมในวัดของเทพเจ้าแห่งความมีอายุยืนและวิญญาณของหมีใหญ่
และทุกเดือนเขาได้นำเนื้อสัตว์ไปเซ่นที่วัด
และเขามักจะออกไปล่าสัตว์ในป่าทางทิศใต้บ่อย
ๆ และนำกวางที่ยิงได้กลับมาบ้าน
แต่เขาไม่เคยพบเทพเจ้าทั้งสองอีก
และเขาไม่เคยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนบ่ายวันนั้นให้ใครฟังเลย