ยอดพระนักสู้
สมัยหนึ่งพระปุณณะได้เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า
เพื่อขอรับโอวาทแล้วจะได้หลีกเร้นออกปฏิบัติธรรม
ตามโคนไม้
เรือนว่างหรือสถานที่อันควรแก่การปฏิบัติธรรมต่อไป
พระพุทธเจ้าทรงให้โอวาทว่า
"ปุณณะ
มีรูปที่รู้ได้ด้วยจักษุ
อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ
เป็นที่รักประกอบด้วยกาม
เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัดอยู่แล
ถ้าภิกษุเพลิดเพลิน พูดึง
ดำรงอยู่
ด้วยความคิดใจในรูปนั้น
นันทิย่อมเกิดขึ้นแก่เธอ
ผู้เพลิดเพลิน พูดถึง
ดำรงอยู่ด้วยความติดใจในรูปนี่เพราะนันทิเกิด
เราจึงกล่าวว่า
ทุกข์เกิดแล้วนะปุณณะฯ"
ต่อ
จากนั้นพระองค์ก็ได้ทรงสอนถึงความติดในเสียง
กลิ่น รส
โผฏฐัพพะธรรมารมณ์ตามลำดับ
จนกระทั้งพระปุณณะเข้าใจแจ่มแจ้งดีแล้วพระพุทธเจ้าจึงได้ทรงถามว่า
"ปุณณะ
เมื่อเธอได้รับโอวาทย่อ ๆ
จากเราแล้วเธอจะไปบำเพ็ญเพียรที่ชนบทแห่งไหน?"
"กระผมจะไปอยู่สุนาปรันตชนบทขอรับ"
"ปุณณะ
ชาวสุนาปรันตะ ดุร้ายหยาบช้านัก
ถ้าเขาด่าเธอแล้วเธอจะทำอย่างไร"
"ถ้าเขาด่ากระผมจะทำในใจว่า
ยังดีที่เขาไม่ตีด้วยฝ่ามือ"
"ถ้าเขาตีด้วยฝ่ามือละ ปุณณะ ?"
"ถ้าเขาตีด้วยฝ่ามือก็ยังดี
ที่เขาไม่ขว้างด้วยก้อนดิน"
"ถ้าเขาขว้างด้วยก้อนดินละ
ปุณณะ ?"
"ถ้าเขาขว้างด้วยก้อนดินก็ยังดีที่เขาไม่ตีด้วยท่อนไม้"
"ถ้าเขาตีด้วยท่อนไม้ละ ปุณณะ
?"
"ถ้าเขาตีด้วยท่อนไม้ก็ยังดีที่เขาไม่ฆ่าด้วยศาสตรา"
"ถ้าเขาฆ่าด้วยศาสตราละ ปุณณะ
?"
"ถ้าเขาฆ่าด้วยศาสตรา
ก็ยังดีที่เขาไม่ฆ่าด้วยอาวุธอันคม"
"ถ้าเขาฆ่าด้วยอาวุธอันคนละ
ปุณณะ ?"
"ถ้าเขาฆ่าด้วยอาวุธอันคม
กระผมก็จักคิดว่า
เขาฆ่าให้เราตายก็ยังดี
ที่เราไม่ต้องไปวานคนอื่นให้ช่วยฆ่า"
"ดีละ
ปุณณะ
เธอใช้ความอดทนและความสงบเสงี่ยมมองภัยของชีวิตในแง่ดี
ถ้าอย่างนี้เธอจะอยู่กับชาวสุนาปรันตะได้แน่
ๆ"
ด้วยอุบายดังที่กราบทูล
พระพุทธเจ้าของท่านปุญณะนี้เอง
เมื่อท่านเดินทางไปจำพรรษากับชาว
สุนาปรันะในปีนี้
ท่านจึงชนะน้ำใจชาวบ้านผู้ดุร้ายหมู่นั้น
อย่างราบคาบ
ท่านปุณณะกลายเป็นพระขวัญใจของหมู่บ้านสุนาปรันตะไปโดยเราอันรวดเร็ว
แต่น่าเสียดายที่ท่านอายุสั้นนัก
ในพรรษานั้นออกจากท่านจะแสดงธรรมไปโปรดชาวบ้านเป็นประจำแล้วท่าน
ท่านยังเร่งความเพียรในกิจส่วนตัวของท่านตามที่ได้รับพุทโธวาทมา
ในพรรษานั้นนอกจากท่านจะสำเร็จกิจเป็นพระอรหันต์แล้ว
ท่านก็ได้ดับขันธ์อย่างสงบเสียมพระอริยเจ้าทั้งหมดด้วย