สี่สหาย
ในกลางป่าใหญ่ของประเทศอินเดียในที่
ๆ
มีสิงส่งเสียงร้องเจี๊ยกจ๊ากบนต้นไม้และงูเลื้อยไปตามพงหญ้าอย่างเงียบ
ๆ และนายพรานออกเที่ยวล่าสัตว์
มีแพะสีขาวเล็ก ๆ
ตัวหนึ่งอาศัยอยู่
เดินมาพบสระน้ำแต่มันไม่กล้าก้มหัวลงกินน้ำในสระน้ำนั้น
มีสัตว์อื่น ๆ
อีกสามตัวอาศัยอยู่ริมสระนั้น
มีอีกาตัวหนึ่งที่จับอยู่บนกิ่งไม้
และหนูตัวหนึ่งอยู่ในรูของมันที่ริมสระ
และเต่าตัวหนึ่งอยู่ในสระน้ำนั้น
ทั้งสามตัวแลเห็นแพะไม่กล้ากินน้ำในสระจึงอยากจะช่วยแพะกามองลงมาและพูดกับเต่าว่า
"ไม่มีพวกศัตรูที่นี่หรอก
จงบอกแพะว่าเขาจะดื่มกินน้ำในสระได้อย่างปลอดภัย"
ดังนั้นเต่าจึงโผล่หัวขึ้นเหนือน้ำและบอกแพะอย่างที่กาบอกมันแพะก็ได้กินน้ำระงับความกระหาย
หนูก็ออกมาจากรูและถามว่าเหตุไรแพะจึงไม่กล้ากินน้ำ
"ฉันเพิ่งวิ่งหนีมาจากนายพราน"
แพะตอบ
"และฉันกลัวว่าเขาจะตามฉันมา
และเอาข่ายดักฉันขณะที่กินน้ำ"
แล้วเต่าก็พูดว่า
"ท่านเห็นแล้วว่าหนู
และตัวฉันเองเป็นเพื่อนสนิทกัน
ทำไมท่านไม่เข้าร่วมพวกกับเราล่ะ
การที่จะมีเพื่อนฝูงนะดีกว่าอยู่ในป่าตัวเดียว"
แพะก็ตกลงจะเป็นเพื่อนกับสัตว์ทั้งสามตัว
และสี่สหายก็อยู่กันด้วยความสุขชั่วระยะเวลาหนึ่ง
แต่วันหนึ่งกา
หนูและเต่าคอยแพะอยู่ริมสระน้ำ
แต่ก็ไม่เห็นแพะมา
"คงจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับเพื่อนเราเสียแล้ว"
กาพูดอย่างเศร้าสลด
"บางที่มันอาจถูกพรานจับได้"
หนูพูด
ดังนั้นกาจึงกางปีกสีดำเป็นมันออกและบินไปเหนือยอดไม้
เที่ยวมองหาแพะเล็ก ๆ ตัวนั้น
ในที่สุดมันก็มองเห็นจุดขาว ๆ
จุดหนึ่งอยู่ไกลเบื้องล่าง
เมื่อมันบินลงมาก็พบแพะขาวนั้นติดตาข่ายนายพราน
"ช่วยฉันด้วย" แพะพูด
"นายพรานทิ้งฉันไว้ในตาข่ายขณะที่เขาออกไปเที่ยวล่าสัตว์อื่น
ๆ
เมื่อเขากลับมาเขาก็จะฆ่าฉันเสีย"
การู้สึก
เสียใจมากที่ได้เห็นแพะติดข่าย
"ฉันจะบินไปหาเพื่อน ๆ ของเรา
และปรึกษากันว่าจะช่วยท่านได้อย่างไร
กาบอกแพะ
กาจึงกลับไปที่สระน้ำและบอกหนูและเต่าว่า
แพะถูกนายพรานจับไว้ได้
"หนูสามารถจะแทะตาข่ายของนายพรานให้ขาดได้"
เต่าแนะนำ
"ความคิดของท่านแยบคายดี"
หนูพูด "กาสามารถจะเอปากคาบฉัน
และพาฉันไปตรงที่ ๆ
แพะติดข่ายของนายพราน"
กาจึงคาบหนูบินไป
แพะน้อยดีใจเมื่อเห็นพวกเพื่อน
ๆ ของมันมาช่วย
หนูก็เริ่มกัดตาข่ายของนายพรานด้วยฟันอันคมของมันขณะที่มันกัดตาข่ายขาดหมดและแพะได้เป็นอิสระมันก็เห็นเต่าคลานมาถึงที่นั้น
ทั้งสามสหายรู้สึกเป็นทุกข์ที่ได้พบเต่าที่นั้น
"อีกไม่ช้านายพรานก็จะกลับมา
แล้วท่านจะหนีเขาได้อย่างไร ?
กาสามารถจะบินหนีขึ้นไปบนยอดไม้ได้
และฉันก็วิ่งได้เร็ว
แต่ท่านมัวแต่คลานต้วมเตี้ยม
อย่างไรเสียก็หนีไม่พ้น"
ทันใดนั้นหูอันไวของหนู่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้านายพรานเดินมาในป่ามันจึงพากันหนีไปจากที่นั้นโดยเร็ว
กาบินขึ้นจับยอดไม้สูงที่สุด
หนูก็หนีเข้าไปในรู
และแพะก็วิ่งหนีไปโดยเร็ว
แต่เต่าที่น่าสงสารได้แต่คลานต้วมเตี้ยมตรงไปที่พงหญ้า
เมื่อนายพรานกลับมา
เห็นตาข่ายถูกกัดขาดและแพะหนีไปได้ก็โกรธ
จึงมองดูรอบ ๆ ก็เห็นเต่าคลานช้า
ๆ ไปที่กอหญ้า
"ได้เต่าอ้วนตัวหนึ่งยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย"
เขาร้องพลางจับเต่าใส่ยามและเดินไป
หนูโผล่ออกมาจากรูเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงบอกแพะและกา
"คราวนี้เราต้องช่วยเต่า"
กาพูด "เราจะช่วยมันอย่างไรดี
"
"ฉันจะวิ่งไปข้างหน้านายพราน
แล้วเขาก็จะวิ่งตามฉัน
และจะทิ้งยามไว้ให้หนูเพื่อของเรากัดย่ามขาด
แล้วเต่าจะหนีได้"
กาและหนูก็ตกลงจะทำตาม
และแพะวิ่งไปข้างหน้านายพรานเขาก็วางย่ามลงวิ่งไล่แพะไป
หนูก็วิ่งไปแทะเชือกที่ผูกย่าม
และเต่าคลานออกมาช่อนอยู่ในกอหญ้าพุ่มไม้
ระหว่างนี้แพะได้ล่อให้นายพรานวิ่งตามไปในป่า
ในที่สุดนายพรานก็ตามไม่ทัน
จึงคิดว่าจะกลับไปตรงที่
เขาวางย่ามไว้
"อย่างน้อยที่สุดเรายังมีเต่าอ้วน
ๆ ตัวหนึ่งไปแกงกินที่บ้าน"
แต่พอเดินไปถึงพบย่ามเปล่า
นายพรานแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง
"ป่านี้เห็นจะถูกสาปเสียแล้ว
ที่แรกแพะหนีไปได้
คราวนี้เต่าอีกตัวก็หนีไปได้"
ทันใดนั้นนายพรานก็รู้สึกกลัว
จึงออกวิ่งหนีไปจากที่นั้นโดยเร็วและวันนั้นเขาล่าสัตว์ไม่ได้เลย
ส่วนกา หนู แพะและเต่า
ทั้งสี่สหายก็สัญญากันว่าจะช่วยซึ่งกันและกันเวลาที่ได้รับความยากลำบาก
และโดยวิธีนี้สี่สหายก็อยู่ในป่าด้วยความผาสุกต่อมาอีกหลายปี