น้ำลายรดหน้าจงอย่าเช็ด
ในสมัยอู่เจ๋อเทียน (บูเซ็กเทียน)
ลุแก่อำนาจการปกครองด้วยการตั้งตัวเป็นกษัตริย์นั้น
ยังมีมหาอำมาตย์คนหนึ่งชื่อ
โหลวชื่อเต๋อ
เป็นคนมีขันติธรรมสูง
ครั้งหนึ่งน้องชายของมหาอำมาตย์โหลวได้รับการแต่งตั้งให้เดินทางไปรับตำแหน่งผู้ว่าราชการไต้โจว
ก่อนออกเดินทางเขาได้มาลาพี่ชาย
มหาอำมาตย์โหลวผู้พี่พูดกับเขาว่า
"ครั้งนี้เจ้าได้รับพระมหากรุณาธิคุณใหญ่หลวงนัก
อาจเป็นเหตุให้เกิดการอิจฉาริษยาได้
เมื่อพบคนเช่นนั้นเข้า
เจ้าจะหลี่กเลี่ยงด้วยประการใด"
น้องชายตอบว่า
"ถ้าหากเขาถ่มน้ำลายรดหน้า
ข้าพเจ้าก็จะเช็ดเสียเองโดยไม่โต้ตอบ"
มหาอำมาตย์โหลวหัวเราะแล้วชี้แจ้งว่า
"นั่นยังไม่ถูกต้อง
การที่เขาถ่มน้ำลายรดหน้าเจ้า
แสดงว่าเขาโกรธเกลียดเจ้า
หากเจ้าเช็ดน้ำลายของเขาออกเสีย
ก็เท่ากับเป็นการยั่วยุให้เขาโกรธเกลียดเจ้ามากขึ้น
สิ่งที่เจ้าควรทำคือยิ้มรับแล้วปล่อยให้น้ำลายแห้งไปเอง"
ผู้ว่าราชการไต้โจวน้องชายได้ฟังก็นิ่งอึ้ง
ต่อเมื่อได้พิจารณาใคร่ครวญประกอบเข้ากับความเป็นจริงตามสภาพสังคมและหลักจิตวิทยาแล้วก็ต้องยอมรับนับถือความคิดของมหาอำมาตย์โหลวผู้พี่ชายไว้เป็นอุทาหรณ์
ด้วยคำตักเตือนของพี่ชายนี่เอง
ที่ทำให้วิถีการงานของเขาผ่านพ้นอุปสรรคนานัปการไปได้
คำสอนที่ว่า "น้ำลายรดหน้า
จงอย่าเช็ด"
จึงเป็นไปได้ทั้งใบเบิกทางไปสู่ความสำเร็จของการงานและชื่อเสียงฉะนี้แล