Menu SideLook

อักษรสูงค่าราคาตัวละหนึ่งพัน
            เมื่อครั้งที่พ่อค้าหลี่ว์ปู้อุ่ยเข้าช่วยเหลือ เจ้าชายอี้เหยินซึ่งกำลังตกทุกข์ได้ยากอยู่เมืองเจ้านั้น เขาได้ยอมเสียสละอนุภรรยาของตนเองให้ไปเป็นชายาของเจ้าชายอี้เหยิน
            เจ้าชายอี้เหยินหรือพระเจ้าฉินจวงเซียงอ๋วงครองราชอยู่เพียงสามปีก้สวรรคต ราชบุตรเจิ้งซึ่งในขณะนั้นมีอายุเพียง 13 ชันษา และเป็นบุตรที่เกิดแต่อดีตอนุภรรยาของพ่อค้าหลี่วืปู้อุ่ยก็ขึ้นครองราชสมบัติแทนเฉลิมพระนามว่า "ฉินสื่อหวง" หรือที่เรียกกันว่า "ฉินซีฮ่องเต้" ผู้โหดเหี้ยมเกรียงไกรในประวัติศาสตร์จีน ทั้งฆ่านักศึกษา เผาตำรา และสร้างกำแพงเมืองจีนนั่นเอง
            ฉินสื่อหวงน้อยทรวงยกย่องพ่อค้าหลี่ว์ปู้อุ่ยซึ่งมีตำแหน่งเป็นเหวินซิ่นโหวมาก โดยยกย่องให้เป็นสมเด็จอา อำนาจการปกครองบ้านเมืองจึงตกอยู่ในมือของพระมารดาและสมเด็จอาทั้งหมด
            ในสมัยต้นรัชกาล ฉินสื่อหวง เจ้าเมืองและผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่นิยมเลี้ยงนักปราชญ์ราชบัณฑิตไว้เป็นบริวารประดับบารมี หลี่ว์ปู้อุ่ยก็เช่นกัน เขาเลี้ยงคนระดับมันสมองเอาไว้เสริมสร้างราบมีเพื่อให้เกิดความมั่นคงของตนเองถึง 3,000 กว่าคน
            นักปราชญ์เหล่านั้นมาจากที่ต่าง ๆ กัน มีหลายระดับ หลายชนชั้นและหลายสาขาวิชา คนเหล่านี้ได้เรียบเรียงความคิดเกี่ยวกับข้อราชการต่าง ๆ เสนอต่อพ่อค้าหลี่ว์ปู้อุ่ย มากมายจนรวมได้เป็นหนังสือเล่มใหญ่จุอักษรถึงสองแสนกว่าตัว
            หนังสือเล่มนี้ให้ชื่อว่า "หลี่ว์ชื่อชุนชิว"
            พ่อค้าหลี่ว์ปุ้ยอุ่ยหรือเหวินซิ่นโหวได้อาศัยตำราเล่มนี้เป็นบรรทัดฐานการปกครองอาณาจักรฉิมมาโดยตลอด เขาภูมิใจในตำราเล่มนี้มากจนถึงกับปิดประกาศท้าทายไว้ในใจกลางนครหลวงเสียนหยังอย่างเป็นทางการว่า
            "หากใครสามารถเพิ่มเติมหรือแก้ไขตำรา หลี่ว์ชื่อชุนชิว นี้ได้จะให้รางวัลอักษรหนึ่งตัวต่อเงินหนึ่งพัน"
            เงินหนึ่งพันในสมัยนั้นมีค่าเท่ากับทองคำหนึ่งชั่ง
            จึงเป็นที่มาของตำนานพังเพยว่า "อักษรสูงค่าราคาตัวละหนึ่งพัน" ซึ่งมีความหมายในเชิงยกย่องหรืออวดอ้างคุณค่าของบทความหรือตัวหนังสือนั่นมีค่าน่าอ่านทุกถ้อยคำ