หินวิเศษแห่งหมู่บ้านพลูเวอนิค
ครั้งหนึ่งในหมู่บ้านพลูเวคนิคมีช่างสลักหินหนุ่มคนหนึ่งชื่อเบอร์เน่ย์อาศัยอยู่
เขารักหญิงสาวสวยคนหนึ่งชื่อมัคแลน
และปรารถนาจะแต่งงานกับหล่อน
แต่บิดาของหล่อนไม่ต้องการได้ลูกเขยที่ยากจน
จึงไม่ย่อมให้บุตรสาวแต่งงานกับเบอร์เน่ย์
ต่อไปนี้ข้าพเจ้าจะเล่าเรื่องให้ท่านผู้อ่านฟังว่าเบอร์เน่อร์ได้แต่งงานกับมัดแลนอย่างไร
คืนหนึ่งมีชายพเนจรคนหนึ่งมาที่หมู่บ้านพลูเวคนิด
เจ้าของโรงแรมในหมู่บ้านให้ชายนี้ไปนอนในคอกม้า
และเขานอนบนกองฟางในคอกม้านี้มีวัวตัวหนึ่ง
และลาอีกตัวหนึ่ง
และชายพเนจรได้ยินเสียงสัตว์ทั้งสองพูดกันว่า
"ไงเพื่อนยาก
หมู่นี้เป็นอย่างไรบ้าง"
วัวถามลา
"เต็มที่เพื่อนเอ๋ย"
วัวบ่นอย่างรำคาญใจ
"ฉันต้องทำงานหนักเกินกำลัง"
ลาตอบ
"ถ้านายเรามีเงินมากขึ้น"
วัวพูด
"เขาก็จะหาซื้อวัวและลาได้อีก
และเราจะไม่ต้องทำงานหนักอย่างนี้"
"เราอยากให้นายเราได้พบทรัพย์สมบัติที่ซ่อนอยู่ใต้หินวิเศษแห่งหมู่บ้านพลูเวอนิค"
ลาพูด
"ทรัพย์สมบัติอะไรนะ"
"ท่านเคยเห็นหินสูง ๆ
ที่ล้อมกันเป็นวงบนเนินเขาห่างไปจากหมู่บ้านไม่ใช่รึ"
"เคยเห็นแล้ว
ฉันรู้จักหินเหล่านั้นดี
หินแต่ละก้อนๆ
ใหญ่จนต้องใช้วัวสองตัวฉุดให้เขยื้อนจากที่"
"นั่นแหละที่ซ่อนสมบัติละ
มีทองคำมากมายข้างใต้หินเหล่านั้นครั้งหนึ่งในทุก
ๆ
ร้อยปีหินเหล่านั้นจะออกจากที่ของมันไปกินน้ำที่แม่น้ำมันจะไป
เพียงสองสามนาทีเท่านั้นแล้วก็จะกลับมาคอยเฝ้าทองนั้นอีก
อีกอาทิตย์เดียวต่อจากคืนนี้
หินเหล่านี้ก็จะเคลื่อนออกจากที่ไปกินน้ำที่แม่น้ำ"
"อยากให้นายเราได้รู้เรื่องนี้"
"เขาจะไม่ได้รอดชีวิตกลับมาถ้าเขาพยายามจะไปเอาสมบัตินั้น"
ลาพูด
"หินเหล่านั้นจะกลับมาทับเขาตายก่อนที่เขาจะหนีทันเขาจะรอดพ้นอันตรายได้ถ้าเขาสามารถจะหาใบโคลเวอร์ที่มีห้าแฉกแล้วเอาติดตัวไปด้วย
ถ้านายเราพยายามหาใบไม้นั้นให้ได้เขาก็จะได้สมบัติที่ซ่อนอยู่ข้างให้หินเหล่านั้น
"สิ่งเดียวที่เขาจะทำได้คือหาใบโคลเวอร์ห้าแฉก"
"ยังมีอย่างอื่นอีกด้วยที่เขาจะต้องทำ
แม้ว่าเขาจะไม่ถูกหินทับและได้ทองคำมา
ทองคำนั้นก็จะกลายเป็นผงคุลีดินเวลาพระอาทิตย์ขึ้น
นอกจากจะต้องเอาชีวิตมนุษย์แลก"
วัวถอนใจใหญ่เมื่อได้ฟังเรื่องนี้
"ถ้าเช่นนั้นก็ไม่มีหวังที่นายเราจะได้เป็นคนร่ำรวย
เพราะไม่มีใครยอมสละชีวิตเพื่อแลกเปลี่ยนกับทองคำ"
ต่อจากนี้สัตว์ทั้งสองก็หยุดคุยกัน
ชายพเนจรนอนบนกองฟางรู้สึกตื่นเต้นในเรื่องที่เขาได้ฟังนั้น
เขาคิดว่าเขาคงจะยินดีอย่างยิ่งถ้าได้แตะต้องทองคำนั้น
แม้ว่ามันจะต้องกลายเป็นผลคุลีดิน
เช้าวันรุ่งขึ้น
เขาก็ออกไปเที่ยวหาใบโคลเวอร์ห้าแฉก
ยังมีเวลาอีกเพียงเจ็ดวันก่อนที่ก้อนหินเหล่านั้นจะเขยื้อนออกจากที่ไปกินน้ำที่แม่น้ำ
เขาเที่ยวเดินหาดูจนทั่วทุ่งนา
บนเนินเขาในป่าและพุ่มไม้
และในวันที่เจ็ดเขาก็พบสิ่งที่เขาต้องการ
เย็นนั้น
เมื่อพระอาทิตย์ตกชายพเนจรได้ไปที่เนินเขาที่หินสูง
ๆ
แห่งหมู่บ้านพลูเวอนิคตั้งอยู่
ขณะที่เดินเข้าไปใกล้เขาได้ยินเสียงสิ่วกระทบหิน
เบอร์เน่ย์ช่างสะกัดกินหนุ่มกำลังนั่งสลักรูปกางเขนบนหินก้อนใหญ่ที่สุด
"ท่านทำอะไร" ชายพเนจรถาม
เบอร์เน่ย์ยิ้ม
"เวลานี้เราได้รับความยากลำบากมาก
และไม่มีใครให้งานฉันทำ
ฉันก็เลยออกมาสะกัดและสลักหินเป็นรูปกางเขน"
ขณะที่ชายพเนจรเฝ้าดูเบอร์เนย์เขาก็มีความคิดชั่วร้ายในใจ
เขาจะเอาชีวิตของชายนี้เซ่นก้อนหิน
และป้องกันไม่ให้ทองกลายเป็นผลคุลีดิน
ก่อนที่จะเอาทองคำนั้นไป
ชายพเนจรจึงเล่าเรื่องทองคำที่ซ่อนอยู่ใต้หินให้เบอร์เน่ย์ฟัง
เขาบอกเบอร์เน่ย์ว่าเวลาเที่ยงคืนหินเหล่านั้นจะไปกินน้ำที่แม่น้ำ
และปล่อยทองคำไว้โดยไม่มีใครเฝ้าแต่ชายพเนจรไม่ได้บอกเบอร์เน่ย์ว่า
หินนั้นจะไปเพียงสองสามนาทีและเขาไม่ได้พูดเรื่องใบโคลเวอร์ห้าแฉก
หรือพูดว่าจะต้องเอาชีวิตคนและเปลี่ยนทองคำ
"ฉันแก่แล้วและอ่อนกำลัง"
ชายพเนจรพูด
"ท่านยังหนุ่มแน่นและแข็งแรง
ท่านช่วยฉันเอาทองใส่กระสอบแบไปให้ฉันแล้วเราจะแบ่งทองกัน"
เบอร์เน่ย์ก็ตกลงทำตามแผนการของชายพเนจรด้วยความเต็มใจเขาคิดว่าในที่สุดเขาจะได้แต่งงานกับมัดแลนหญิงสาวสวยงามที่เขารักและในไม่ช้าเขาจะร่ำรวย
เบอร์เน่ย์และชายพเนจรอยู่บนเนินเขา
เวลาเที่ยงคืนหินใหญ่ ๆ
เหล่านั้นก็เริ่มเขยื้อนออกจากที่ช้า
ๆ
แล้วกลิ้งลงจากเนินเขาไปที่แม่น้ำ
และตรงที่ ๆ
ก้อนหินใหญ่ที่สุดตั้งอยู่มีทองกองใหญ่ส่องแสงเป็นประกายอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์
ชายทั้งสองวิ่งไปข้างหน้าและโกยทองใส่กระสอบ
ต่อมาอีกครู่หนึ่งพื้นดินก็สั่นสะเทือน
"หินกลับมาแล้ว"
เบอร์เน่ย์ร้องด้วยความหวาดกลัว
"มันจะทับเราตาย"
ชายพเนจรหัวเราะ
"มันจะทับท่านตายแต่ไม่ทับฉัน"
เมื่อหินเหล่านั้นกลิ้งเข้ามาใกล้ชายพเนจรก็ชูใบโคลเวอร์ห้าแฉกขึ้น
ทันใดนั้นหินก็กลิ้งไปทางเบอร์เน่ย์
แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ?"
ทันใดนั้นหินก้อนใหญ่
ที่สุดที่เบอร์เน่ย์ได้สลักรูปกางเขนอันบริสุทธิ์ได้กั้นอยู่ข้างหน้าเขาเหมือนกับโลห์
หินอื่น ๆ
กลิ้งกลับเขาที่เดิมของมัน
และเบอร์เน่ย์ปลอดภัย
ระหว่างนี้ชายพเนจรได้เอากระสอบทองขึ้นใส่บ่าและเดินโซเซลงไปจากไหล่เขา
เขารู้สึกดีใจที่ทำงานเป็นผลสำเร็จ
แล้วเขาได้ยินเสียงดังข้างหลังเขา
ชายพเนจรหันไปดูรู้สึกตกใจมากเพราะก้อนหินที่มีรูปกางเขนกำลังกลิ้งตามเขามา
เขาชูใบโคลเวอร์ห้าแฉกขึ้นแต่มันไม่มีอำนาจอะไรแล้ว
หินนั้นก็ทับชายพเนจรตาย
เบอร์เน่ย์ได้ทองคำทั้งหมดคนเดียว
เวลานี้เขาเป็นคนร่ำรวยที่สุดในหมู่บ้านพลูเวดนิด
บิดาของมัดแลนยินดีที่จะให้เขาแต่งานกับบุตรสาวของเขา
ดังนั้นช่างสลักหินหนุ่มก็ได้แต่งงานกับหญิงสาวที่เขารักสมดังความปรารถนาและทั้งสองคนได้อยู่ร่วมกันด้วยความผาสุกตลอดมา