ศรแห่งเมืองมิถิลา
เมื่อพันปีมาแล้วพระรามอาศัยอยู่ในประเทศอินเดีย
พระรามเป็นโอรสใหญ่ของท้าวทศรถ
อาณาจักรของพระราชาอางค์นี้ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำใหญ่ที่เชิงเขาหิมาลัย
พลเมืองของท้าวทศรถมีชื่อว่า
"ลูกพระอาทิตย์"
เพราะคนเหล่านั้นมีความเจริญและมีความสุข
พวกผู้ชายรูปร่างสง่าผ่าเผยและผู้หญิงมีรูปร่างสวยงาม
แต่ไม่มีใครที่มีรูปร่างงามเท่าพระราม
ในเมื่ออโยธยาที่เป็นนครหลวงของท้าวทศรถมีช้างรูปร่างสูงสง่าเดินตามถนน
มีธารน้ำใส่ไหลผ่านเมืองและมีต้นมะม่วงที่สวยงามอยู่ล้อมรอบพระราชวัง
พระรามมีอนุชาสามองค์
ทั้งสีพระองค์รักใคร่กันดี
และไม่ได้อิจฉาริษยากัน
แต่พระลักษณ์โอรสองค์ที่สองของท้าวทศรถเป็นพระอนุชาที่รักของพระราม
เจ้าชายทั้งสี่องค์มีสติปัญญาเฉียบแหลมและมีฝีมือในทางกีฬา
และสามารถยิงศรได้อย่างแม่นยำได้โดยมิพลาดเป้าหมาย
แต่พระรามมีความสามารถมากกว่าพระอนุชาทั้งสามองค์
ชื่อของพระรามเป็นชื่อที่เหมาะสม
ซึ่งมีความหมาย
"ความชื่นชมยินดีอันยิ่งใหญ่"
เมื่อพระรามมีพระชนม์ได้สิบหกปีก็ได้เข้ามาร่วมประชุมในสภาราชสำนัก
พวกเจ้านายผู้ที่มีอาวุโสก็ยกย่องนับถือความมีสติปัญญาของพระราม
พวกพลเมืองของพระราชบิดาของพระรามยกย่องนับถือเจ้าชายหนุ่มของเขา
วันหนึ่งมีพระธุดงค์องค์หนึ่งมาที่พระราชวัง
พระธุดงค์องค์นี้สวมจีวรเก่า ๆ
และรองเท้าเปื้อนฝุ่นละออง
พระธุดงค์องค์นี้มีนามว่าวิศวามิตร
เป็นปราชญ์ที่พลเมืองยกย่องนับถือมาก
ท่านเป็นผู้ที่มีสติปัญญาเฉียบแหลม
ท่านได้มาที่เมืองมิถิลาเพื่อจะชักชวนพระรามและพระลักษณ์ไปอยู่ที่อาศรมของท่านเพื่อท่านจะได้สอนวิชาต่าง
ๆ ให้ทั้งพระรามและพระลักษณ์
ท้าวทศรถยอมให้พระโอรสทั้งสององค์ไปกับวิศวามิตร
แม้ว่าจะรู้สึกเสียพระทัยที่โอรสทั้งสององค์ต้องจากไป
ดังนั้นพระรามและพระลักษณ์จึงถอดเครื่องทรงกษัตริย์ออกและแต่งกายเป็นพรตและเดินทางไปกับพระวิศวามิตรและทั้งสององค์ได้บวชอยู่ที่อาศรมนั้น
พระวิศวามิตรได้สอนพระรามให้รู้จักใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ไม่ว่าจะเป็นภูตผีปีศาจหรือมนุษย์ก็ไม่สามารถที่จะเอาชนะพระรามได้
อยู่มาวันหนึ่งมีผู้สื่อข่าวคนหนึ่งมาจากเมืองมิถิลา
ผู้สื่อข่าวนั้นบอก
พระวิศวามิตร ว่าท้าวชนก
เจ้าผู้ครองเมืองมิถิลาจะให้มีการประกวดยิงศรในเมืองมิถิลา
ถ้าหากใครชนะท้าวชนกจะยกนางสีดาพระราชธิดาผู้มีรูปโฉมงดงามให้เป็นชายา
"เราจะเดินทางไปเมืองมิถิลา"
พระวิศวามิตรพูดกับพระรามและพระลักษณ์ว่า
"เราจะออกเดินทางไปเมืองมิถิลา
พระโอรสองค์ใหญ่ของท้าวทศรถเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะกับพระราชธิดาของท้าวชนก"
ในวันเดียวกันนั้นเองทั้งสามคนก็ออกเดินทางไปยังทิศเหนือผ่านแม่น้ำคงคา
ในเวลาสี่วันก็พากันไปถึงเมืองมิถิลาและได้พากันไปที่พระราชวังของท้าวชนก
ทั้งสามคนได้รับการต้อนรับอย่างดี
"พระวิศวามิตรทูลท้าวชนกว่าพระรามและพระลักษณ์ปรารถนาจะมาแข้าแข่งขันยิงศรเพื่ออภิเษกกับนางสีดา
ท้าวชนกก็มีความยินดีจึงต้อนรับคนทั้งสามให้พักอยู่ในพระราชวังอย่างสบาย
ต่อมาอีกสิบสองวันบรรดาชายหนุ่มที่มาเข้าร่วมในการประลองฝีมือได้มาชมนุมกันที่ลานหน้าพระราชวัง
พวกเหล่านั้นต่างก็หวังที่จะได้นางสีดาเป็นคู่ครอง
ในลานใหญ่นั้นแออัดไปด้วยผู้คนที่มาคอยชมการประลองฝีมือ
มีเสียงดนตรีบรรเลงและพวกที่เข้าประลองฝีมือพากันขึ้นไปยืนบนเวที
ในท่ามกลางผู้ที่เข้าแข่งขันอื่น
ๆ ที่สวมเครื่องแต่งกายสีฉูดฉาด
และมีผ้าโพกศรีษะประดับด้วยเพชรพลอยอันมีค่าพระรามสวมเครื่องทรงแบบพานป่า
แม้ว่าจะแต่งกายอย่างธรรมดาพระรามก็มีท่าทางสง่าผ่าเผยที่สุดในบรรดาคนเหล่านั้น
มีเสียงแตรเป่า
ขณะที่ท้าวชนกพานางสีดาดำเนินมา
พวกที่เฝ้าดูอยู่พากันนิ่งเงียบเมื่อได้เห็นความสวยงามของนางสีดา
ผมของนางมีสีดำสนิทเหมือนปีกกา
และผิวของนางเกลี้ยงงามเหมือนกลีบบัวแล้วท้าวชนกได้ตรัสว่า
"เมื่อนางสีดาเกิดเราได้ปฏิญาณว่าเราจะยกนางให้ชายหนุ่มที่สามารถยกคันศรแห่งเมืองมิถิลาได้
เวลานี้เรามาดูคนหนุ่มที่จะเข้าประกวดครั้งนี้
แล้วท้าวชนกก็ให้อาณัติสัญญาณ
มีชายฉกรรจ์ห้าร้อยคนลากรถแปดล้อเจข้ามาในลานใหญ่
ในรถค้นนั้นมีค้นศรของเมืองมิถิลาพวกกษัตริย์ในสมัยโบราณได้ใช้ศรนั้นเพราะเป็นพวกที่มีกำลังมากแต่เวลานี้ไม่มีใครใช้ศรนั้นแล้ว
ไม่มีเจ้าชายองค์ใดที่สามารถจะยกดันศรนี้ได้
ในที่สุดพระรามก็ก้าวออกมาข้างหน้า
และขณะที่พระรามเอื้อมมือไปหยิบค้นศรพระวิศวามิตรได้อวยพรให้พระราม
พระรามวางมือลงบนคันศรแล้วยกศรนั้นขึ้นสูง
และค่อยเหนี่ยวสายจนค้นศรหักออกเป็นสองท่อนด้วยเสียงอันดัง
ฝูงชนพากันโห่ร้องเสียงสนั่นหวั่นไหวและประกาศว่าพระรามเป็นผู้ชนะในการประลองฝีมือ
ท้าวชนกก็ประทานนางสีดาเป็นชายาของพระราม
และตลอดเวลาที่ทั้งสองมีชีวิตอยู่ต่างก็ทรงรักใคร่กันเป็นอันดี
ชีวิตของทั้งสององค์เต็มไปด้วยการผจญภัย